ในช่วงเช้า ศ.ดร. นะซีรฯ ได้เดินทางไปยังคณะวิทยาการอิสลาม มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี เพื่อพบปะผู้บริหารและคณาจารย์มหาวิทยาลัยฯ และกล่าวปาฐกถาให้แก่นักศึกษาในหัวข้อ “ทางสายกลางในสังคมพหุวัฒนธรรม” โดยได้เน้นย้ำว่าแนวทางสายกลางเป็นพื้นฐานสำคัญของความสัมพันธ์ในสังคม และขอให้นักศึกษารักษาความสมดุลในทุก ๆ เรื่อง นอกจากนี้ ได้กล่าวถึงความสำคัญของเสรีภาพในการนับถือศาสนา การยอมรับความแตกต่าง การยอมรับสิทธิและความเป็นมนุษย์ของผู้อื่น การปฏิบัติต่อทุกคนอย่างเท่าเทียม ไม่อ้างหรือฝ่าฝืนหลักการทางศาสนาเพื่อผลประโยชน์ส่วนตน ไม่อ้างเหตุผลในการทำสงครามนอกเหนือจากเพื่อการป้องกันตน ตลอดจนชี้ให้เห็นว่า แม้กระทั่งในสังคมพหุวัฒนธรรม ผู้คนที่หลากหลายก็ยังมีจุดร่วมกันมากกว่าความแตกต่างเสมอ ทั้งนี้ มีนักศึกษาและคณาจารย์เข้ารับฟังปาฐกถาดังกล่าวกว่า 500 คน

 

หลังจากนั้น ศ.ดร. นะซีรฯ ได้เยี่ยมชม Women’s Empowerment and Learning Center (WE Center) ภายในมหาวิทยาลัยฯ ซึ่งเป็นพื้นที่ปลอดภัยในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ และจัดกิจกรรมพัฒนาศักยภาพด้านสตรี สันติภาพและความมั่นคง โดยศูนย์ฯ มีบทบาทที่เข้มแข็งในการให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ การพัฒนาศักยภาพ อาชีพและคุณภาพชีวิต การคุ้มครองสิทธิ ตลอดจนการสนับสนุนบทบาทสตรีในพื้นที่สาธารณะ โอกาสนี้ มีวิสาหกิจชุมชน 3 กลุ่ม ให้การต้อนรับ ได้แก่ กลุ่มแม่เลี้ยงเดี่ยว (ผลิตภัณฑ์เห็ดนางฟ้า) กลุ่มประมง Zero Food Waste จากอำเภอปานาเระ และกลุ่มจักสานไม้ไผ่ ภายหลังการบรรยายสรุป ศ.ดร. นะซีรฯ ได้แสดงความประทับใจในความเป็นมาและบทบาทของศูนย์ดังกล่าว และชื่นชมความร่วมมือระหว่างสตรีต่างศาสนิกซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงการเปิดกว้างและการอยู่ร่วมกันอย่างสันติ เน้นย้ำความสำคัญของบทบาทสตรี ความเท่าเทียมกันระหว่างเพศ และย้ำว่าไม่มีข้อจำกัดใด ๆ ในการที่สตรีจะปฏิบัติหน้าที่หรืออาชีพตามความปรารถนา ตลอดจนได้ชื่นชมและให้กำลังใจบรรดาสมาชิกของศูนย์ฯ ที่พัฒนาตนเอง สร้างอาชีพและเป็นเสาหลักของครอบครัว

 

ในช่วงเย็น ศ.ดร. นะซีรฯ ได้เยี่ยมชมมัสยิดกลางจังหวัดปัตตานีและพบปะคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัด และศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยอัล-อัซฮัร ตลอดจนให้โอวาทในหัวข้อ “ผู้นำศาสนาในฐานะสะพานแห่งมิตรภาพและบทบาทการป้องกันความสุดโต่ง” โดยเน้นย้ำให้ผู้นำศาสนาตระหนักถึงหน้าที่ในการเรียกร้องสู่สันติของทั้งตนเองและผู้อื่น การเคารพสิทธิของผู้คนในสังคมพหุวัฒนธรรม การมีสัมมาวาจา การเปิดรับความก้าวหน้าและวิทยาการใหม่ ๆ การศึกษาและยึดมั่นในความรู้จากแหล่งที่เชื่อถือได้ ตลอดจนการยอมรับความแตกต่างของผู้คน หลังจากนั้น ศ.ดร. นะซีรฯ ได้ร่วมละหมาดกับพี่น้องมุสลิมที่มัสยิดกลางด้วย ทั้งนี้ ในช่วงค่ำ นายนันทพงศ์ สุวรรณรัตน์ รองเลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ได้เป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารค่ำแก่ ศ.ดร. นะซีรฯ ที่โรงแรมซีเอสปัตตานี

 

ตลอดระยะเวลา 5 วัน ของการเยือนไทยอย่างเป็นทางการในฐานะแขกของกระทรวงการต่างประเทศ ศ.ดร. นะซีรฯ ได้พบปะหารือกับผู้นำระดับสูงของไทย ผู้นำทางศาสนา ภาควิชาการ ภาคประชาสังคมและกล่าวปาฐกถารวม 10 กิจกรรม ซึ่งเป็นโอกาสสำคัญในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้และเน้นย้ำความสำคัญของแนวทางสายกลางในสังคมพหุวัฒนธรรมท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของเทคโนโลยี อนึ่ง ภายหลังเสร็จสิ้นภารกิจ ศ.ดร. นะซีรฯ ได้เดินทางต่อไปยังประเทศมาเลเซียเมื่อวันที่ 27 ส.ค. 2568